ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยความคืบหน้าของ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์วันแม่ โดยในเวลานี้ได้มีการเปิดเต็มวงเงิน 50,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อย (19 ส.ค. 2565) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แจ้งให้ทราบว่า บัญชีเงินฝากออมทรัพย์วันแม่ ของ ธอส. ที่เริ่มให้ลูกค้าเปิดบัญชีตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2565 ล่าสุด ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2565 มีลูกค้าประชาชนให้ความสนใจเปิดบัญชีจำนวนมากจนทำให้มียอดฝากเต็มกรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท แล้ว
ธนาคารขอขอบคุณลูกค้าประชาชนทุกท่านที่ให้ความสนใจเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์วันแม่ของ ธอส. ในครั้งนี้
ซึ่งให้ผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 2.00% ต่อปี ระยะเวลา 18 เดือน นับตั้งแต่วันที่เปิดบัญชีถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 โดยไม่มีการถอนเงินฝาก และผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้ผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยเทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ 2.35% ต่อปี
ทั้งนี้ ธอส. จะนำเงินฝากที่ได้รับไปจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างโอกาสในการทำให้คนไทยมีบ้านตามนโยบายของรัฐบาลได้ง่ายขึ้นต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารได้ที่เว็บไซต์ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ซึ่งก่อนหน้าในช่วงปลายเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมานั้น ทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติก็ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ “ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก” ที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 27 เมษายน 2565 ซึ่งเกิดเป็นกระแสไปทั่วโลกออนไลน์ว่าวันดังกล่าวเป็นวัน “กรุงเทพไร้เงา”
กรมอุทยาแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทำการรายงานถึงความคืบหน้าของ น้องขวัญ – ลูกเสือ ของกลางจาก ขหล.บึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก
(13 เม.ย. 2565) กรมอุทยาแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทำการเปิดเผยถึงความคืบหน้าด้านสุขภาพของ น้องขวัญ – ลูกเสือ ของกลางจาก ขหล.บึงฉวากและศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก
พร้อมกันนี้ก็ได้ทำการประกาศในส่วนของของขวัญต้อนรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565 (2022) จากทางหน่วยงานที่จะมอบให้กับประชาชน
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ มีดังนี้
ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ถ้อยแถลงของประธานเฟดในงานประชุมวิชาการประจำปีของเฟดที่เมือง Jackson Hole รัฐ Wyoming เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด รวมถึงมุมมองของประธานเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ
โดยหากประธานเฟดไม่ได้แสดงท่าทีกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมาก แต่ยังคงกังวลปัญหาเงินเฟ้อสูงและยังสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ก็อาจทำให้ตลาดกลับมามองว่าเฟดยังมีแนวโน้มเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและอาจคงดอกเบี้ยในระดับสูงได้นาน ซึ่งอาจจะเป็นไปตาม Dot Plot เดือนมิถุนายน แต่ก็จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดรับรู้หรือ price-in ในปัจจุบัน ที่ตลาดมองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยไม่เกิน 3.75% ก่อนที่จะทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในครึ่งหลังของปีหน้า
ส่วนในด้านข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนสิงหาคม (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) ซึ่งการชะลอตัวลงเศรษฐกิจโลกและปัญหาต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูงอาจกดดันให้ดัชนี PMI ภาคการผลิตลดลงสู่ระดับ 51.9 จุด
ส่วนดัชนี PMI ภาคการบริการอาจปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 50 จุด สอดคล้องกับการใช้จ่ายของผู้คนที่ฟื้นตัวดีขึ้น หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป PCE ที่เฟดติดตามก็อาจชะลอลงสู่ระดับ 6.4% ในเดือนกรกฎาคม ตามการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าพลังงาน อย่างไรก็ดีอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE อาจยังคงอยู่ในระดับ 4.7% ทำให้เฟดอาจประเมินว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูงและจำเป็นที่เฟดต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น
ฝั่งยุโรป – ตลาดคาดว่า เศรษฐกิจยุโรปยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวลงต่อเนื่อง ท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อสูงและนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของยูโรโซนในเดือนสิงหาคมที่จะลดลงสู่ระดับ 49 จุด และ 50.5 จุด ตามลำดับ
เช่นเดียวกันกับฝั่งอังกฤษ ที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการจะลดลงต่อเนื่องแตะระดับ 51 จุด และ 51.9 จุด ตามลำดับ นอกจากนี้ ภาคธุรกิจของเยอรมนีก็อาจปรับลดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจปัจจุบันและในอนาคตอีก 6 เดือนข้างหน้า สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate) เดือนสิงหาคมที่จะลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 86.8 จุด
หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของยุโรปออกมาแย่กว่าคาดที่ตลาดคาดไปมาก อาจยิ่งทำให้ตลาดกังวลแนวโน้มการชะลอตัวลงหนักของเศรษฐกิจและเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจยุโรปจะเข้าสู่ภาวะถดถอย กดดันให้เงินยูโรอ่อนค่าลงได้
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง